เกมบิ๊กแมทช์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 13 ผ่านพ้นและจบลงด้วยผลเสมอ

“สิงห์บลูส์” เชลซี เสียแต้มในบ้านอีกครั้ง หลังจากเจ๊ากับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ทั้งที่ถูกยกให้เหนือกว่าบานเบอะเยอะแยะอย่างที่ไม่เคยปรากฏ

นั่นเพราะขุมกำลัง บวกกับฟอร์มการเล่นและตำแหน่งที่ยืนอยู่ตรงนี้ เชลซี ดีกว่า แมนยูฯชัดเจนและจะแจ้งมากๆ

สุดท้ายเมื่อเราได้เห็นผลงานในเกมเว็บเล่นบอลออนไลน์ถูกกฎหมาย วิเคราะห์เกมกันไม่ใช่ต้องการให้คำตอบขาวหรือว่าดำ แต่พอเราดูฟุตบอลในสเปกตรัม แล้วจะเห็นว่าวิงแบ๊กของเชลซียังคงสร้างผลงานได้ดี แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าเกมที่ผ่านมา

นี่คือสิ่งที่ต้องชม ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่กล้าในการตัดสินใจหลายๆ อย่าง

ก่อนเกมเขาเลือกดร็อป คริสติอาโน่ โรนัลโด้สตาร์หมายเลข 1 ไม่ใช่แค่ของทีม แต่เป็นของโลก แล้วยัด 3 มิดฟิลด์ที่เป็น “ประเภทเดียวกัน” ลงสนามพร้อมกัน

สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด และเนมานญ่า มาติช ได้เล่นพร้อมกันหนเดียวเท่านั้นใน 193 เกมที่ผ่านมา

ปัก บรูโน่ เฟอร์นานเดส เป็นตัวยอด แล้วให้จาดอน ซานโช่ กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด มายืนด้านบนแล้วฉีกวิ่งไปด้านข้างเป็นหลักกว่าปักไปตรงๆ

การใช้กองกลางแบบไดม่อนด์ของ ไมเคิ่ล คาร์ริค มีประสิทธิภาพอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาทูเคิ่ล ทำการโจมตีมากมายผ่านวิงแบ๊กของเขา ทำให้ แม็คโทมิเนย์และเฟร็ด จึงได้รับมอบหมายให้ปิดวิงแบ๊กที่ดุดันของเชลซี

ผลชัดเจนก็คือ แผนเพชร หรือ ไดม่อนด์ ได้ผล

เฟร็ด กับ แม็คโท วิ่งไปทั่วสนาม โดยมีมาติช ลงมาค้ำยืนเป็นหลักให้นาฬิกาเดินรอบตัวเอง

แต่ก็แน่นอนที่สุด ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะหยุดบอลทางกว้างของ เชลซี ได้ตลอดเวลา 90 นาที ทำให้น่าจะเป็นจุดสำคัญที่ คาร์ริค ใช้แผนนี้เพื่อให้ฟูลแบ๊กมีสมาธิกับการรับมือ 3 แนวรุกของเชลซี

ดังนั้น ตำแหน่งมิดฟิลด์ของแมนยูฯ จึงสำคัญมากๆ ทั้ง 3 คน เป็นที่สังเกตได้ว่าพวกเขามีสมาธิที่ดี แม้จะมีโดนฉีก แต่ไม่เคยหลุดตำแหน่งพร้อมกันถึง 3 คน อย่างน้อยก็จะมีหนึ่งคนที่ปักไปอยู่ตรงพื้นที่กลางสนาม

ขณะเดียวกัน 3 หน้าที่เหมือนกับเป็น“หน้าต่ำ” ทั้งหมด ก็ลงมาช่วยเล่นเกมรับ มีความขยันกับปิดช่องโจมตีหลัก

ถือเป็นอีกหนึ่ง “พิมพ์เขียว” สำคัญในการรับมือกับ เชลซี ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม การขาด เบน ชิลเวลล์ มีผลมากๆ ความคล่องตัวของเขาชั่วโมงนี้ดีกว่า มาร์กอส อลอนโซ่

คาร์ริค แสดงให้เห็นความกล้าในการตัดสินใจ นอกจากเรื่อง โรนัลโด้ แล้ว แผนที่ลงไปเล่นก็คือ ความต้องการของตัวเขาเอง และบอกว่า ไม่ต้องมาดราม่าในทุกเรื่อง โดยเฉพาะการจัดตัว

บางอย่างต้องปรับแต่งและเปลี่ยนแปลงบ้าง

“โรนัลโด เป็นชื่อที่โดดเด่นมากที่อยู่บนม้านั่งสำรอง ผมได้พูดคุยกับเขา และเขาเยี่ยมมากในทุกเรื่อง”

มาถึงหลังเกม คาร์ริค บอกว่า นี่คือฟอร์มการเล่นโดยรวมที่ยอดเยี่ยม เราตั้งรับได้ดี เล่นได้ตามที่ซ้อมมา ทำให้ผมไม่สามารถตำหนิพวกเขาได้เลย

เมื่อถูกถามว่า ราล์ฟ รังนิค มีส่วนอะไรกับเกมนี้รึเปล่า เขาตอบได้ทันทีว่า “ไม่”

ขณะที่ ทูเคิ่ล ยอมรับว่า เราโชคร้ายมากกับการเสียประตูในสองเกมหหลังสุดของเราแต่มันสามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลาในเกมฟุตบอลโชคร้ายที่มันเกิดขึ้นกับเราสองครั้งแล้ว มันเกิดขึ้นในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ มาแล้ว และมาเกิดขึ้นกับเกมนี้

เชลซี สามารถพาบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่งได้ถึง 100 ครั้งใน 2 เกมหลังสุดกับการเล่นในบ้าน แต่ทำได้แค่สองประตูเท่านั้น และเสียไปถึง 4 คะแนน อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงนำจ่าฝูงอยู่เหมือนเดิม

ทีนี้ต้องมาดูกันต่อว่า หากต้องเล่นเกมรุกและบุกขึ้นมาจริง ๆ คาร์ริค จะสามารถสร้างผลงานได้เหมือนกับเล่นเกมรับได้หรือไม่

เป็นงานที่ท้าทาย ในเมื่อยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ “ราล์ฟ รังนิค” ที่ไม่รู้ว่าแอบไปกิน “รังนก” อยู่ที่ไหน จะมาทำงาน