ธุรกิจสำนักงานให้เช่า และ Co-Working Space ที่ช่วง 10 ปีก่อนหน้าถือว่าเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงเอามากๆ เนื่องจากธุรกิจต่างๆ อยู่ในช่วงการขยายตัวตอบรับกับกระแสการลงทุน ทำให้ความต้องการพื้นที่เช่าออฟฟิศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้กระแส Co-Working Space แม้ว่าจะไม่ร้อนแรงเหมือนกับช่วงก่อนหน้า แต่การขยายเข้ามาของ Co-Working Space ในประเทศไทยทำให้ตลาดออฟฟิศเช่าในประเทศไทยตื่นตัวกันอย่างมาก

เนื่องจากซัปพลายพื้นที่สำนักงานเช่าในประเทศไทยยังมีปริมาณน้อยกว่าดีมานด์ ทำให้แนวโน้มค่าเช่าของสำนักงานเช่ายังอยู่ในช่วงขาขึ้น แนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทอสังหาริทรัพย์ และผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมให้ความสำคัญกับการใส่พื้นที่ Co-Working Space ไว้ในโครงการคอนโด และบ้านจัดสรรต่างๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับไลฟสไตล์การซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ใช้ชีวิต และการทำงานของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเจเนอเรชัน Y และเจเนอเรชัน Z หรือในยุคมิลเลเนียม ซึ่งการพัฒนาพื้นที่ Co-Working Space ไว้ในโครงการที่อยู่อาศัยนี้ทำให้ซับพอร์ตดีมานด์ในตลาดไปจำนวนไม่น้อย และมีผลต่อการขยายลงทุนของผู้ประกอบการ Co-Working Space ข้ามชาติ

อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Co-Working Space กลายเป็นกระแสกลับมาอีกครั้งหลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย เนื่องจากพฤติกรรมและนโยบายการทำงานของธุรกิจต่างที่สนับสนุนให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน Work Form Home หรือทำงานนอกสถานที่มากกว่าการทำงานในออฟฟิศ ซึ่งมีผลให้ความต้องการใช้พื้นที่ออฟฟิศเช่าลดลง ซึ่งสอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal หลังต้องรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกลายเป็นตัวเร่งให้ Co-Working Space กลับมาเฟื่องฟูและน่าลงทุนอีกครั้ง

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทและองค์กรต่างๆ จำนวนมากต้องปรับตัวและมองหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลงซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นโอกาสของคนกำลังมองหาช่องทาง หรือมองหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อลงทุนซึ่ง Co-Working Space เป็นอีกธุรกิจกำลังมาแรงในขณะนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีแฟรนไชส์เบอร์หนึ่งของโลกอย่าง IWG ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Flexible Workspace รายใหญ่ของโลก ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนในธุรกิจ Co-Working Space ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ สถิติธุรกิจสำนักงานให้เช่าในตลาดโลก สะท้อนให้เห็นว่า Co-Working Space ยังเป็นธุรกิจทีเติบโตได้อีกไกล

ปัจจุบันพื้นที่การทำงานแบบ Co-working Space มีมากกว่า 19,000 แห่งทั่วโลก โดยมีสัดส่วนอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากกว่า 11,000 แห่ง แต่สหรัฐอเมริกายังครองตำแหน่งเป็นผู้นำตลาดในแง่ของอสังหาริมทรัพย์ด้วยสถิติการใช้พื้นที่ไปกับ Co-working Space มากกว่า 80 ล้านตารางฟุต โดย Co-workingSpace แต่ละแห่งทั่วโลกมีสมาชิกเฉลี่ย 185 คน IWG คือบริษัท Flexible Workspace ที่ถือครองสัดส่วนตลาดด้านโอเปอเรเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีส่วนแบ่งตลาด 11% ส่วนที่เหลืออีก 81% เป็นของบริษัทต่างๆ ทั้งนี้ คาดว่ากระแสการทำงานที่ทำจากที่ไหนก็ได้จะกลายเป็นวิถีใหม่ในการทำธุรกิจจะมีสัดส่วนที่ 64% ของผู้ที่ทำงานในออฟฟิศในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด COVID-19 เริ่มยอมรับวิถีการทำงานใหม่มากขึ้น 30% ของอสังหาฯ และคาดว่าอีกกว่า 39% ของบริษัทหลายแห่งมีแผนที่จะเปลี่ยนพื้นที่ทำงานของตัวเอง

จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ล่าสุด IWG ซึ่งปัจจุบันให้บริการ Co-working Space กว่า 120 ประเทศ ได้ประกาศขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ เพื่อรองรับความต้องการสถานที่ทำงานแบบไฮบริดที่ขยายตัวในปัจจุบัน แลเพื่อขยายธุรกิจให้ครอบคลุมเมืองต่างๆ มากขึ้น ตั้งแต่เมืองขนาดเล็กไปถึงเมืองขนาดใหญ่ และหัวเมืองต่างๆ โดยล่าสุดได้จับมือกับ “รัตนากร แอสเซท” ให้บริการแฟรนไชส์เพื่อรองรับความต้องการ Co-Working Space ในกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัป คนทำงานฟรีแลนซ์ และผู้ประกอบการธุรกิจได้เข้าถึงบริการสำนักงานให้เช่าที่ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่ในประเทศไทย

โดยรัตนากร แอสเซท จะได้รับสิทธิหลักในการบริหารแฟรนไชส์ระดับภูมิภาค (Regional Master Franchise rights) ของพื้นที่สำนักงาน IWG ในแบรนด์ HQ, Regus, Spaces และ Signature ในทุกจังหวัดของประเทศไทย ยกเว้นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สำหรับรัตนากร แอสเซท เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการมากกว่า 17 แห่งในภาคตะวันออก ซึ่งรวมถึงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเมืองชายทะเลติดอันดับในภาคใต้

จักรรัตน์ เรืองรัตนากร
จักรรัตน์ เรืองรัตนากร

นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท รัตนากร แอสเซท จำกัด กล่าวว่า ตลาด Co-Working Space เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้น บริษัทจึงสนใจและได้ศึกษามาตลอด เพราะมองว่า Co-WorkingSpace เป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใสเนื่องจากปัจจุบันคนทำงานนอกสถานที่ได้หลากหลาย ขณะเดียวกัน ยังสอดรับกับไลฟ์สไตล์การทำงานของคนไทยในอนาคตทำให้บริษัทตัดสินใจร่วมมือกับ IWG ผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบยืดหยุ่นสูง (Flexible Workspace ) เบอร์หนึ่งของโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักในแบรนด์ Regus, Spaces, HQ และ Signature โดย IWG ได้มอบสิทธิหลักในการบริหารแฟรนไชส์ระดับภูมิภาค หรือมาสเตอร์แฟรนไชส์ให้บริษัทฯ เป็นผู้ร่วมพัฒนาและขยายธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ข้อตกลงแฟรนไชส์ที่รัตนากร แอสเซทฯ สามารถพัฒนาพื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบ Flexible Workspace

โดยในปี 65 นี้ บริษัทมีแผนจะนำร่องด้วยการเปิดศูนย์บริการ 5 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง โดยจะใช้พื้นที่อพาร์ตโฮเทลในเครือของบริษัทภายใต้แบรนด์ CITADINES ในเครือ Ascott โรงแรม 4 ดาว ประกอบด้วย พื้นที่พัทยาเหนือและพัทยากลาง 2 แห่ง ในศรีราชา 1 แห่ง และระยอง 1 แห่ง และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะใช้แบรนด์ใดของ IWG เข้าไปเปิดให้บริการโครงการต่างๆ โดยแบรนด์ Regus จะใช้พื้นที่ประมาณ 800-1,500 ตารางเมตร (ตร.ม.) แบรนด์ Signature ใช้พื้นที่ 800-1,500 ตร.ม. แบรนด์ HQ ใช้พื้นที่ 500-1,000 ตร.ม. และแบรนด์ Spaces ใช้พื้นที่ 2,000-3,000 ตร.ม. ทั้งนี้บริษัทเป้าว่าจะเปิดศูนย์บริหารให้ได้ 40 แห่งภายในระยะเวลา 10 ปี โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการในหลากหลายธุรกิจในทุกภาคให้ความสนใจที่ซื้อแฟรนไชส์ในธุรกิจแล้วหลายราย

มาร์ค ดิกสัน
มาร์ค ดิกสัน

นายมาร์ค ดิกสัน ผู้ก่อตั้งธุรกิจและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IWG กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจต่างๆ ปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับความต้องการในการทำงานแบบไฮบริดหรือ Hybrid working โดยธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่กำลังนำมาใช้อยู่ในปัจจุบันช่วยให้รักษาบุคลากรที่มีความสามารถไว้ได้ ขณะเดียวกัน ยังดึงดูดบุคลากรใหม่ๆ ให้สนใจเข้ามาทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ มากขึ้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนโมเดลการทำงานมาสู่รูปแบบดังกล่าวยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานอีกด้วยทำให้ธุรกิจต่างๆ กำลังกำหนดพื้นที่ครอบคลุมการทำงานใหม่โดยนำงานเข้าไปใกล้ที่พักของบุคลากรมากขึ้นเพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่น

ทั้งนี้ การทำงานของคนปัจจุบันมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่ยึดติดกับสถานที่ทำงาน และการทำงานรูปแบบนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มคนเจเนอเรชัน Y ซึ่งคุ้นชินกับดิจิทัลเทคโนโลยีและชื่นชอบในความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการทำงาน การทำงานแบบไฮบริดพนักงานไม่เพียงแต่ได้ทำงานในสถานที่ที่หลากหลาย ยังใช้เวลาในการเดินทางไปทำงานลดลง สามารถทำงาน ณ สถานที่แห่งไหนก็ได้ สำนักงาน บ้าน หรือพื้นที่ทำงานในรูปแบบ Flexible Workspace เป็นแนวทางการทำงานที่มีความยืดหยุ่นสูง และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ด้วย

โดยความต้องการในการทำงานแบบไฮบริดของหลายธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์นี้ ประกอบกับการคิดทบทวนใหม่ในกลยุทธ์การดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ จึงเกิดเป็นความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกับรัตนากร แอสเซท ที่จะเอื้อประโยชน์ให้เกิดการขยายธุรกิจได้รวดเร็วขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้คนในการทำงานแบบไฮบริดทั่วประเทศไทย และรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง การกระจายความเจริญจากเมืองหลวงสู่หัวเมืองใหญ่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในหลากมิติ

“นี่เป็นการตอบโจทย์แนวโน้มการทำงานแบบไฮบริดคนกลุ่มนี้จะแสวงหาสถานที่ใหม่ๆ ที่ชื่นชอบและเลือกใช้เป็นสถานที่ในการทำงานสำหรับพวกเขา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ยังก่อให้เกิดประโยชน์แก่ธุรกิจท้องถิ่นอีกด้วย การทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีสำนักงานเป็นของตัวเองหรือทำสัญญาเช่าระยะยาวอีกต่อไป IWG นำเสนอทางเลือกใหม่ที่สมบูรณ์แบบช่วยให้ธุรกิจและพนักงานสามารถทำงานในสถานที่สะดวกสบายจากที่ใดก็ได้ในโลกมีให้เลือกนับพันแห่ง และสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา”

จากสถานการณ์การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งลง และพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดในปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคเริ่มปรับตัวและยอมรับการอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมในปัจจุบัน และมองไปถึงในอนาคตว่าทุกคนจะต้องทำงานใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เทรนด์การทำงานนอกพื้นที่สำนักงานขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจะกลายเป็นรูปแบบการทำงานหลักในอนาคต ซึ่งส่งผลต่อการขยายตัวของ FlexibleWorkspace ในอนาคต ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นว่านี่คือ เมกะเทรนด์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้