บล.ฟิลลิป วิเคราะห์ดีลธนาคารกสิกรไทย มีแผนขายธุรกิจ บลจ. คาดอาจขายหุ้นใหญ่หรือหุ้นส่วนน้อยก็ได้ หากเกิดจริงส่งผลดีต่อการรับรู้กำไร KBANK เสริมแกร่งธุรกิจ รอยืนยัน ยังคงกำไรสิ้นปีที่ 42,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8%
วันที่ 4 เมษายน 2565 นายอดิศร มุ่งพาลชล นักวิเคราะห์ลงทุนด้านหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ Bloomberg ได้รายงานข่าว ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีแผนที่จะหา Strategic Partner ในธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)
ซึ่งกสิกรไทยถือหุ้น 100% ในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย (บลจ.กสิกรไทย) และมีมูลค่าการลงทุนอยู่ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 66,000 ล้านบาท) โดยอาจจะขายหุ้นใหญ่หรือหุ้นส่วนน้อยก็ได้
หากเป็นจริงจะส่งผลดีต่อ KBANK ทั้งในแง่มีพันธมิตรที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ นอกจากนี้ การขายหุ้นออกไปจะทำให้ KBANK สามารถรับรู้กำไรจากการขายหุ้นได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทาง KBANK ยังไม่ได้ออกมายืนยันข่าวนี้ ทางฝ่ายวิจัยจึงยังคงประมาณการกำไรปี 2565 ไว้เหมือนเดิมที่ 42,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน และยังคงราคาพื้นฐานไว้ที่ 176 บาท
โดยมองว่า KBANK มีความโดดเด่นทางด้านสินเชื่อ SME ซึ่งให้ผลตอบแทนสูง ยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ”
ทั้งนี้ บลูมเบิร์ก รายงานข่าวเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา เรื่อง “ธนาคารกสิกรไทยช่างใจขายหน่วยธุรกิจจัดการกองทุนมูลค่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ” โดยอ้างอิงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ว่าธนาคารกสิกรไทย ธนาคารที่ใหญ่อันดับสองของไทยในแง่มูลค่าของผู้ให้สินเชื่อ กำลังพิจารณาทางเลือกสำหรับธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการทรัพย์สิน (บลจ.) ซึ่งรวมถึงการขายให้แก่คนที่สนใจ ซึ่งอาจเป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมอื่นๆ
โดยธนาคารอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อทบทวนกลยุทธ์ของธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย หรือ บลจ.กสิกรไทย โดยธนาคารกำลังประเมินมูลค่าของธุรกิจ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมูลค่าประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
โดยตัวเลือกที่อาจเกิดขึ้นคือ การขายหุ้นส่วนใหญ่หรือส่วนน้อยของธุรกิจนี้ โดยธนาคารกสิกรไทยต้องการหาพันธมิตรทางกลยุทธ์ (strategic partner) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มในธุรกิจนี้ รวมถึงสร้างความสามารถในการแข่งขันที่มากขึ้น
ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่กสิกรไทยบริหารอยู่ในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 4.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตามรายงานประจำปี 2564 ของธนาคาร
โดยการพิจารณายังอยู่ในช่วงต้น ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย และกสิกรไทยอาจตัดสินใจที่จะรักษาหน่วยธุรกิจนี้ไว้ให้นานขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากดีลนี้เกิดขึ้นจะสะท้อนการทำธุรกรรมครั้งก่อนหน้าของธนาคารรายอื่นขนาดใหญ่รายอื่น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ เมื่อปี 2561 ธนาคารทหารไทยได้ขายหุ้นส่วนใหญ่ในบบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนให้กับ อีสท์ปริงค์ อินเวสเมนต์ส ของพรูเด็นเชียล
ต่อมาในปี 2562 อีสท์สปริงได้เข้าถือหุ้นในธนาคารธนชาต (TBANK) หลังจากการควบรวมกิจการของธนาคารทหารไทย (TMB) และธนชาต มีมูลค่า 5.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance