SCB ประกาศแต่งตั้ง น.ส.ลลิตภัทร ธรณวิกรัย ดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ นำทีมสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ บริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทย ระบุเป็นผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเงินการลงทุน มีความรู้ ความสามารถ และเชี่ยวชาญเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้าน น ส.ลลิตภัทร พร้อมต่อยอดความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้ลูกค้าระดับสูงของธุรกิจไพรเวทแบงกิ้ง โดยยึด 3 แกนหลักพัฒนาต่อเนื่องทั้งด้าน Wealth Preservation, Wealth Creation และเสริมศักยภาพ SCB Financial Business Group ให้เต็มรูปแบบ รวมทั้งนำระบบ Digital platform มาใช้ในการคัดสรรผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ จากทั่วโลกตามความเสี่ยงที่รับได้อย่างแท้จริง สามารถส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างมั่นคงทั้งด้านธุรกิจและการลงทุน

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการประกาศแต่งตั้ง น.ส.ลลิตภัทร ธรณวิกรัย ดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ ควบคู่กับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด เพื่อนำทีมสร้างการเติบโตในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงให้ลูกค้าในประเทศไทย โดย น.ส.ลลิตภัทร เป็นบุคคลหนี่งในแวดวงการเงินการธนาคารที่มีประสบการณ์สูงในเรื่องของไพรเวทแบงกิ้ง เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและความรู้ด้านการเงิน การลงทุนที่รอบด้าน คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจบริหารความมั่งคั่งเป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์การทำงานกับธนาคารต่างชาติ และที่ธนาคารไทยพาณิชย์กว่า 20 ปี จนเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทย จึงเชื่อมั่นว่า น.ส.ลลิตภัทร จะนำเอาความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศมาช่วยในการสานต่อแผนยุทธศาสตร์และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจไพรเวทแบงกิ้ง ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

น.ส.ลลิตภัทร ธรณวิกรัย รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Bnaking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า พร้อมที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้าระดับสูงของประเทศไทย ผ่านธุรกิจไพรเวทแบงกิ้ง ให้เติบโตไปพร้อมกับความมั่งคั่งของลูกค้าอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยธุรกิจไพรเวทแบงกิ้ง รับบริหารสินทรัพย์เพื่อการลงทุนตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป (High Net Worth Individuals ) ส่วนไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ รับบริหารสินทรัพย์ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป (Ultra High Net Worth Individuals ) เพื่อเป็นการต่อยอดบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้าที่สนใจลงทุนในต่างประเทศทั้ง 100% โดยหัวใจสำคัญในการบริหารความมั่งคั่งคือต้องเข้าใจลูกค้า เข้าใจตลาดการลงทุน คัดสรรผลิตภัณฑ์ และโซลูชันด้านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ในทุกช่วงเวลา เพื่อให้เงินลงทุนของลูกค้างอกเงยขึ้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

โดย SCB PRIVATE BANKING ยังคงยึด 3 แกนหลักที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ได้แก่ 1) การพัฒนาด้าน Wealth Preservation โดยยกระดับคุณภาพของทีมที่ปรึกษาด้านการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล (RM) ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความต้องการของลูกค้าด้านการลงทุนอย่างแท้จริง 2) การพัฒนาด้าน Wealth Creation บริการที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนทั้งในส่วนบุคคลและธุรกิจของลูกค้าแบบครบวงจรมีการลงทุนแบบ Open Architecture Platform ที่สามารถเข้าถึงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศในหลากหลายสินทรัพย์มากที่สุดในประเทศ และ 3) เสริมศักยภาพด้าน SCB Financial Business Group ให้เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้นจากความแข็งแกร่งของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ที่ครบเครื่องทั้งด้านความรู้ ความชำนาญและสินทรัพย์ที่ครบวงจร สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ครอบคลุมทั้งเรื่องธุรกิจและการลงทุน การผนึกกำลังทุกช่องทางของ SCB Group นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการเสริมศักยภาพของ SCB PRIVATE BANKING

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket